คิริน ประกาศ ถอนตัวจากบริษัท MEHL ของ เมียนมา โดยทางบริษัทระบุว่าการก่อรัฐประหารถือเป็นการขัดกับนโยบายของบริษัท เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว นิเคอิ รายงานว่าบริษัท คิริน บริษัทผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ประกาศถอนตัวจากการร่วมทำธุรกิจผลิตเบียร์กับบริษัทในประเทศเมียนมา หลังเกิดเหตุรัฐประหารและจับกุมนาง อองซานซูจี ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยทางบริษัทคิรินระบุว่า การกระทำของกองทัพในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น
ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อนโยบายสิทธิมนุษยชนของทางบริษัท และพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอนตัวออกจากบริษัท Myanmar Economic Holdings หรือ MEHL ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้ พลเอกอาวุโสมินอ่อง หล่าย
ซึ่งทางตัวแทนของคิรินได้ให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าวว่า พวกเขาได้แจ้งจุดประสงค์ถอนตัวในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามทาง MEHL ยังไม่ได้ออกมายอมรับการถอนตัวครั้งนี้
อย่างไรก็ตามหากทาง MEHL ปฏิเสธการถอนตัว กรณีที่แย่ที่สุดคือบริษัทคิรินอาจจะจำเป็นต้องถอนตัวออกจากประเทศเมียนมาไปเลย ซึ่งทางบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นระบุว่าพวกเขาไม่มีแผนที่จะถอนตัวออกจากประเทศเมียนมาในขณะนี้
นอกจากนางอองซานซูจีแล้ว นาย วิน มินต์ อดีตประธานาธิบดีเมียนมา ถูกจับกุมและตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายการห้ามชุมนุมในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากเขาได้พบปะกับผู้สนับสนุนเขาที่ออกมาเดินขบวนสนับสนุนในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จากการจับกุมครั้งนี้ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้ออกมาชุมนุม และเคาะเครื่องครัวเพื่อเป็นการแสดงความไม่พอใจต่อกองทัพ อีกทั้งเจ้าหน้าที่แพทย์ยังได้ผูกโบว์สีดำหรือหยุดปฏิบัติงานเพื่อต่อต้านการรัฐประหารอีกด้วย
หลังจากการเสียชีวิตของ ลุงวิชา ชายไทยในสหรัฐฯ ที่ถูกผลักล้มจนเสียชีวิต ชาวเน็ตก็ได้ #AsiansAreHuman เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเขา ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจำนวนมากได้ออกมาติด #AsiansAreHuman เพื่อออกมาแสดงพลังและแสดงความไม่พอใจ หลังจากที่ นายวิชา รัตนภักดี ชาวไทย วัย 84 ปี ถูกนาย วัยรุ่นอายุ 19 ปี ชาวอเมริกัน ผลักล้มจนส่งผลให้ลุงวิชาเสียชีวิต ที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา
โดยครอบครัวของผู้ตายระบุว่ามูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้น่าจะเป็นอาชญากรรมทางความเกลียดชัง พร้อมระบุว่าครอบครัวของพวกเขาต้องเผชิญกับข้อความเหยียดชาติพันธุ์มาตลอด นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้น
ซึ่งชาวเน็ตได้ออกมาเรียกร้องความเท่าเทียมทางสีผิว พร้อมระบุว่าทุกเชื้อชาติถือเป็นมนุษย์เหมือนกันและควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม โดย #AsiansAreHuman กลายเป็นเทรนด์ในทวิตเตอร์ หลังจากมีผู้ร่วมการรณรงค์ครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมานายวิชา ที่กำลังเดินอยู่ริมถนนแอนซ่าวิสต้า และฟอร์ทูน่า ในเมืองแอนซ่า วิสต้า ใกล้มหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก ถูกผู้ก่อเหตุวิ่งเข้ามาผลักอย่างแรงจนล้มกระแทกพื้นปูนซีเมนต์ โดยที่ไม่มีการสนทนา ยั่วยุ มาาก่อน
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวิชาไปส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน แต่ด้วยอาการที่สาหัส ทำให้เขาเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา ล่าสุดสื่อท้องถิ่นรายงานว่าผู้ก่อเหตุได้บอกกับศาลว่า เขาไม่มีความผิด ในการก่อเหตุอุกอาจครั้งนี้
แฉ! ลูกชาย มิน อ่อง หล่าย โปรยเงิน แจกฉลองพ่อ รัฐประหารเมียนมา
นักเคลื่อนไหวด้านมนุษยชนชาวเมียนมา แฉภาพของลูกชาย มิน อ่อง หล่าย โปรยเงิน แจก อ้างฉลองชัยชนะของพ่อหลังก่อ รัฐประหารเมียนมา สำเร็จ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หม่อง ซาร์นี นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวด้านมนุษยชนชาวเมียนมา ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงทวิตเตอร์ ซึ่งวินาทีที่นาย อ่อง แพ โซน ลูกชายของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพพม่า โปรยเงินเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกับการก่อรัฐประหารของผู้เป็นพ่อ
จากคลิปจะเห็นได้ว่า พนักงานที่อยู่ในอาคารที่คาดว่าเป็นโชว์รูมรถยนต์ได้ต่างวิ่งเก็บธนบัตรที่โปรยลงมากันอย่างอลหม่าน ซึ่งนาย อ่อง แพ โซน มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มขณะที่เขากำลังโปรยเงินของเขา
หลังจากที่คลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตจำนวนมากก็ได้เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์คลิปดังกล่าว โดยส่วนมากเป็นข้อความที่แสดงความไม่พอใจต่อการกระทำดั่งกล่าว
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้นกองทัพได้ทำการก่อรัฐประหารพร้อมจับกุมนาง อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ในข้อหาโกงการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา ซึ่งพล.อ. มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมารับปาก จะจัดการเลือกตั้งทันทีหลังยึดอำนาจ 1 ปีตามที่ประกาศเอาไว้
ด้านนาย เจย์ โรเบิร์ต พริตเกอร์ ผู้ว่าเมืองอิลินอยส์ ได้ออกมาเตือนว่าการกราดยิง จะกลายเป็นธรรมเนียมของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนาย พริตเกอร์ ระบุว่านี่คือเวลาที่สุดที่ควรจะพูดเรื่องความรุนแรงจากอาวุธปืน
นั้บตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน เกาหลีเหนือรายงานผู้ป่วยที่มีไข้กว่า 4.7 ล้านราย โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าจำนวนดังกล่าวคือจำนวนผู้ป่วยโควิดที่ไม่ได้มีการตรวจ ซึ่งจากการตรวจพบโควิดครั้งนี้ได้สร้างความเป็นห่วงให้กับหลายฝ่าย เนื่องจากประเทศเกาหลีเหนือมีระบอบสาธารณสุขที่ย่ำแย่
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น